วันนี้ว่างๆผมเลยนำ DVD เรื่อง 10,000 BC มานั่งดูเล่นๆ
จริงๆแล้วตอนผมดูครั้งแรกก็เห็นประเด็นหลายๆประเด็นทางเศรษฐศาสตร์
เริ่มเรื่องที่เผ่าที่มีชื่อว่า"ยากาห์ล" ซึ่งเป็นเผ่านักล่า ซึ่งในเรื่องเราเห็นการล่า"แมนแนค"หรือแมมม็อธ
ซึ่งจากเนื้อเรื่อง เผ่านี้ขาดแคลนอาหาร อาจจะเป็นเพราะเจ้าแมนแนคไม่ได้หากินบริเวณนั้นบ่อยๆ
ถ้ามาโยงให้เข้ากับสังคมมนุษย์ ชีวิตแรกเริ่มของมนุษย์คือต่างคนต่างอยู่ต่างหากินของตัวเอง
มีสังคมเล็กๆคือครอบครัว และเพื่อนบ้าน
ทุกคนมีอาชีพเป็นนักล่า ล่าสัตว์หรือเก็บของป่าเป็นอาหารไปวันๆ
ต่อมาเมื่อสัตว์เริ่มย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีมนุษย์ การเดินทางไปหาอาหารย่อมเสียเวลามากขึ้น
ดังนั้นจึงต้องมีการแบ่งหน้าที่กันทำ แรกเริ่มอาจจะแบ่งกันภายในครอบครัว
ต่อมาเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน เช่นเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย ด้านการหาอาหาร
มนุษย์จึงต้องรวมตัวกันเป็นสังคมเล็กๆ แล้วแบ่งหน้าที่กันทำ
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนเนื้อเรื่องในหนัง นั่นหมายความว่ามนุษย์รู้จักการแบ่งหน้าที่กันมากว่า 10,000 ปี
ใน 10,000 BC เราได้เห็นเผ่ายากาห์ลร่วมมือกันล่า แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางสังคมอย่างชัดเจน
แต่เผ่ายากาห์ลเป็นเพียงวิถีชีวิตที่ล้าหลัง เพราะเราได้เห็นการกสิกรรมของเผ่า"นาคู"
เผ่านาคูมีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งหมายถึงการที่ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ไม่ต้องออกไปล่าสัตว์ไกลๆ หรือรอให้สัตว์มาหากินใกล้ๆถิ่นฐาน พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตามฤดูกาล นำสัตว์ที่เลี้ยงมาเป็นอาหารได้ตลอด และประเด็นสำคัญอีกอย่างคือด้านการสื่อสาร เผ่านาคูมีการส่งสารกันกับเผ่าอื่นๆเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ดีไม่ดีอาจจะมีการทำการค้ากันก็ได้ อย่างการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันหรือที่เรียกว่า barter system อาจจะเกิดขึ้นในสมัยนั้นก็เป็นไปได้
แต่มีอารยธรรมที่เหนือกว่านั้นอีก นั่นคือที่"เทือกเขาแห่งเทพเจ้า" จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรัฐเผด็จการ มีการใช้ทาส มีระบบการทำงาน แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน จึงมีรัฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ดาราศาสตร์ กลศาสตร์ ฯลฯ นับเป็นอารยธรรมที่แทบจะสมบูรณ์แบบก็ว่าได้
ผมเน้นถึงการอยู่ร่วมกัน การเป็นสังคม และการแบ่งหน้าที่บ่อยครั้งในบทความนี้ เนื่องมาจากเศรษฐศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมศาสตร์ การแบ่งหน้าที่กันทำเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจ และเผ่าพันธุ์มนุษย์รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเรามีร่างกายที่ได้เปรียบหรือมีสมองที่ใหญ่กว่าสัตว์อื่น เพราะมนุษย์เผ่าพันธุ์นีแอนเดอร์ทัลที่ร่างกายและสมองใหญ่กว่าบรรพบุรุษของเรากลับสูญพันธุ์เมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว จากหลักฐานต่างๆพบว่านีแอนเดอร์ทัลเหนือกว่าเราทุกอย่าง แต่กลับไม่มีระบบเศรษฐกิจหรือการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันเลย ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็กต่างไปล่าสัตว์เหมือนกัน
ถ้าคุณต้องออกล่าสัตว์เองทุกวัน สร้างที่อยู่อาศัยเอง สร้างอาวุธเอง ยามอากาศเลวร้ายต้องเอาขนสัตว์มาทำเป็นผ้าคลุมตัวเอง แรกๆเมื่อมนุษย์ยังไม่เยอะ สัตว์ยังไม่ย้ายถิ่นฐานก็พอจะหากินได้สบายๆ แต่เมื่อปัจจัยเปลี่ยน มีการล่าสัตว์มากขึ้น สัตว์ก็เหลือน้อย ก็ต้องเดินทางไกลขึ้นใช้เวลามากขึ้น ย่อมทำให้เวลาในการทำอย่างอื่นลดน้อยลงไป ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะแย่ลงไปด้วย
การดูหนังนอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วก็ยังได้อาหารสมองด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น