หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับคนหลายๆคน ทำให้ผมได้ทราบว่าคนไทยมักจะมองข้ามการลงทุนไป(ผมเดาว่าไม่ได้ออมด้วย) บางคนคิดว่าไม่มีเวลาบ้าง มีเงินน้อยบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง บางคนคิดมีเงินเดือนเยอะอยู่แล้ว และบางคนถามผมว่าคิดไกลเกินไปรึเปล่า?
ตอนนี้ผมได้ศัตรูตัวแรกแล้ว นั่นก็คือตัวของพวกคุณเอง(ผมหวังว่าคนที่เข้ามาอ่านคงจะไม่คิดแบบข้างบนนะ) เพราะแค่พวกคุณปิดกั้นด้วยข้อแก้ตัวเหล่านั้นคุณจะไม่มีวันได้พบกับอิสรภาพทางการเงิน เอาล่ะผมไม่อยากพูดถึงศัตรูตัวนี้สักเท่าไหร่นักไปพูดถึงตัวอื่นๆดีกว่า แล้วศัตรูตัวนี้อาจจะกลับใจได้
ตัวที่สองคือสังขารของพวกคุณ ทุกๆคนย่อมมี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ยิ่งแก่กับเจ็บนะครับค่าใช้จ่ายแพงมาก(นี่คือสาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มรพ.มีpeที่สูงมาก) เอาแค่นี้ก็พอนึกภาพกันออกนะครับว่าโรคบางโรคทำให้เงินที่คุณหามาทั้งชีวิตหายไปได้ นี่ยังไม่นับญาติของคุณที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้เหมือนคุณ แน่นอนว่าคุณต้องหาเงินมาช่วยอยู่แล้ว
ตัวที่สามครับน่ากลัวที่สุด เพราะทุกคนมองไม่เห็นและมันร้ายขึ้นทุกวัน มันคือเงินเฟ้อครับ
คงจะมองไม่ภาพกัน ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ สมัยพ่อผมเด็กๆใครพกเงินไปโรงเรียนสัก5บาทนี่ก็ถือบ้านรวยแล้วนะครับ กินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวได้สบายๆ แถมยังเหลือไว้กินขนมและหยอดกระปุกได้อีก แต่ปัจจุบันครับซื้อเลย์ยังไม่ได้เลยครับ ย้ำว่าเลย์ถุงเล็กๆ ที่มีขนมในซองไม่ถึงครึ่งซอง*_* เอาล่ะถ้ามองโลกในแง่ดีก็ยังซื้อมาม่ากินได้ครับพออยู่ท้อง
นั่นคือความน่ากลัวในระยะยาวซึ่งทุกคนคงไม่เห็นภาพชัดพอ
วันนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ระหว่าง0.5-4.25 คนส่วนใหญ่จะได้เรทที่0.75 ส่วน4.25อ่ะมีkbankรายเดียวครับซึ่งน่าจะต้องมีรายละเอียดอะไรพิเศษ ผมตีดอกเบี้ยสำหรับฝากออมทรัพย์ที่ 1.5%ต่อปีแล้วกัน ถ้าคุณมีเงิน100บาท ปีถัดไปคุณคิดว่าเงินในบัญชีจะเป็นเท่าไหร่? 101.5? คำตอบคือไม่ใช่ครับ คุณโดนหักค่าธรรมเนียมแน่นอนแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ผมยังหยวนๆให้คุณมีเงินเป็น101.5 บาท แต่คุณรู้อะไรรึเปล่าว่าเงิน101.5บาทมีค่าลดลง งงล่ะสิ!
คุณรู้รึเปล่าว่าปีที่ผ่านมาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์?
เท่าที่ผมทราบว่านะครับ ประมาณ3.5%ได้ นั่นหมายถึงของใช้จะราคาแพงขึ้น3.5% แต่คุณกลับได้ดอกเบี้ยแค่1.5% เท่ากับคุณติดลบ2%
สมมติคุณอยากซื้อเสื้อ100บาท ปีหน้าราคามันกลายเป็น103.5บาท แต่คุณมีเงินแค่101.5บาท คุณต้องหาเงินมาเพิ่มอีก2บาท
แต่ถ้าคุณยังบอกว่าคุณเอาเงินเดือนมาซื้อก็ได้ คุณคิดผิดครับ เพราะเงินเฟ้อจะทำให้ทุกอย่างแพงขึ้น ต้นทุนราคาแพงใครๆก็ต้องเพิ่มราคาขายทั้งนั้นครับ และอย่ามั่นใจว่าคุณจะมีเงินเดือนใช้ไปเรื่อยๆนะครับ เพราะต่อให้เรียนมาสูงๆก็ตกงานได้ครับ
ถ้าย้อนกลับไปปี39 บางคนมีเคยเงินเดือนถึง50,000บาท โบนัส12เดือน แต่พอเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทจำนวนมากต้องลดเงินเดือนผู้บริหารและพนักงาน 50,000เหลือ10,000บ้าง ไม่มีโบนัสอีก ใครโชคร้ายก็ถูกไล่ออกครับ นี่เป็นเหตุการณ์จริงซึ่งไม่ต้องเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแต่บริษัทของคุณอาจจะสู้คู่แข่งไม่ได้ก็ต้องปิดตัวไปอยู่ดี หรือมีคนที่เก่งกว่าคุณเข้ามาทำงาน เขาคงไม่เก็บคุณไว้ดูเล่นแน่นอน
นี่แค่ผลระยะสั้นนะครับ ถ้าคุณติดลบ2%ไปเรื่อยๆทุกๆปีทบต้นสัก5-10ปีก็แย่แล้วครับ
ขอโทษทีนะครับที่เรื่องค่อนข้างเครียดแต่มันเป็นที่ควรจะรู้เพื่อความไม่ประมาท
ต่อครับตัวต่อมาดอกเบี้ยเงินกู้ครับ ใครที่ผ่อนบ้านอยู่กรุณาช่วยนำใบผ่อนชำระมาดูด้วยครับ จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยทบต้นครับ(ที่บ้านผมดอกเบี้ยสูงกว่าเงินต้นจริงๆ) กู้มาซื้อบ้านซื้อรถผมเห็นด้วยนะครับ ถือเป็นลงทุนที่ดี เพราะยิ่งจ่ายสัดส่วนที่เราเป็นเจ้าของก็จะเพิ่มขึ้น(แต่อย่าลืมว่าถ้ายังผ่อนอยู่ คุณยังไม่มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ และถ้าไม่มีเงินจ่ายคุณจะถูกยึดบ้าน,รถ)
ดอกเบี้นเงินกู้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ดอกเบี้ยบัตรเครดิตเป็นดอกเบี้ยที่โหดที่สุด(จำไว้ว่าถ้าคุณมีหนี้หลายทางและจ่ายได้ไม่หมด คุณต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิตก่อน ค่าบ้านกับค่ารถไว้ทีหลัง) เพราะดอกเบี้ยสูงถึง20% และที่สำคัญเวลาที่คุณจ่ายขั้นต่ำไปเค้าไม่ได้คิดดอกเบี้ยจากยอดค้างชำระ แต่คิดจากยอดที่ใช้ เช่นคุณรูดไป5,000บาท คุณชำระหนี้ไป4,500บาท เหลือ500บาท คุณนึกว่าเค้าคิด20%จาก500 แต่ไม่ใช่ครับ เค้าคิดจาก5,000บาท น่ากลัวมากๆครับ
เท่าที่ผมนึกได้ตอนนี้ก็มีแค่นี้ครับ(คงมีอีกแต่เวลาผมเขียนบล็อกผมมักจะเขียนสดครับ ได้อารมณ์มากกว่า แต่แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วครับสำหรับการที่จะรักษามูลค่าของเงิน)
*อัตราดอกเบี้ยนำมาจากเวบของbot(ธนาคารแห่งประเทศไทย)ครับ
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความ
แสดงความคิดเห็น