เอาล่ะครับทีนี้เรามารู้จักกับ5บริษัทของไทยที่ติดอันดับ Forbes-Asia's 200 Best Under A Billionที่คัดมาจาก20,000บริษัทในเอเชียกันดีกว่า(ขอเรียงตามตัวอักษรแล้วกัน)
บริษัทแรก บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน) ชื่อในตลาดหลักทรัพย์ aprint
ราคาปิดณ วันที่10ตค.2550 ;13.70 บาท
เป็นเพียงบริษัทเดียวในหมวด publishing ที่ติดอันดับ
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักบริษัทอมรินทร์ เพราะอมรินทร์เป็นเจ้าตลาดนิตยสารชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านและสวน,แพรว,ชีวจิตและอื่นๆอีกมากมาย และยังมีpocket bookที่เป็นของทางสำนักพิมพ์ในเครืออีกมากมาย อีกทั้งยังมีร้านค้าปลีกชื่อ "ร้านนายอินทร์" เรามารู้จักประวัติคร่าวๆกัน
จากกองบรรณาธิการเล็กๆที่ คุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ รวบรวมสมัครพรรคพวกและพนักงานจำนวนหนึ่งจัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัดวารสารบ้านและสวน เริ่มผลิตนิตยสาร "บ้านและสวน" ฉบับแรกออกวางตลาดในเดือนกันยายน 2519 โดยอาศัยการพิมพ์จากโรงพิมพ์ภายนอก ต่อมาจึงได้มีการก่อตั้งโรงพิมพ์ในรูปของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดอมรินทร์การพิมพ์ เพื่อพิมพ์นิตยสารเอง ขณะเดียวกันก็รับจ้างงานพิมพ์อื่นๆ ด้วย
กิจการที่ขยายตัวขึ้นทำให้บริษัทฯมีความจำเป็นต้องระดมทุน จึงได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น "บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน)"
ในปีเดียวกันนั้น บริษัทฯได้ขยายกิจการด้านการจัดจำหน่าย โดยตั้งบริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด และปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นอยู่ร้อยละ 19 ของทุนจดทะเบียน เพื่อทำหน้าที่ดูแลการจัดจำหน่ายสิ่งพิมพ์ทั้งหมด รวมถึงการจัดตั้งร้านค้าปลีกขึ้นโดยให้ชื่อว่า "ร้านนายอินทร์"
หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่คุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ผู้ก่อตั้ง ได้วางรากฐานไว้ คือการทำงานด้วยใจรัก และมุ่งเน้น การทำงานให้มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ดั่งปณิธานที่ว่า
"เราทำงานเพื่อความรุ่งโรจน์ และความสุขของสังคม"
จาก "นิตยสารบ้านและสวน" บริษัทฯได้ขยายกิจการโดยการออกนิตยสารใหม่ๆ เป็นระยะ คือ นิตยสาร "แพรว", "สุดสัปดาห์", "ชีวจิต", "Health & Cuisine", "National Geographic ฉบับภาษาไทย", "Room" , "WE" , "Real Parenting" , "Shape" , "InStyle" และมีสำนักพิมพ์หนังสือเล่มอีก 13 สำนักพิมพ์ ผลิตหนังสือครอบคลุมหลากหลายกลุ่มนักอ่านทั่วประเทศ
ปัจจุบันกิจการของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สายงานคือ ธุรกิจสำนักพิมพ์ , ธุรกิจโรงพิมพ์ และ ธุรกิจจัดจำหน่าย บริษัท อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อศักยภาพสูงสุดในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์คุณภาพสู่สังคมไทย
จุดแข็งของaprintคือgoodwillครับ พูดง่ายๆว่าตัวแบรนด์มีความแข็งแกร่งสูงมาก loyaltyค่อนข้างสูง แต่รายได้หลักไม่ได้มาจากการพิมพ์นะครับ มากจากค่าโฆษณาในหนังสือ แล้วการเปิดร้านนายอินทร์เป็นการส่งเสริมธุรกิจในเครือได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าถามว่าจะโตแบบก้าวกระโดดมั้ย? คำตอบคือไม่ครับ แต่จะโตแบบยังยืนมากกว่า (ใครสนใจหุ้นaprintก็ไปหาข้อมูลกันเองนะครับ)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัทที่สองคือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) ชื่อย่อBGH หรือที่คนรู้จักกันดีในนามโรงพยาบาลกรุงเทพ
ราคาปิดวันที่10 ตค. 2550 อยู่ที่ 40 บาท
เป็นบริษัทเดียวกลุ่มhospitalที่ติดอันดับ
ตงไม่มีใครไม่รู้จักเครือโรงพยาบาลกรุงเทพแน่นอน หลายๆคนคงเคยใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนรายนี้ ผมเองก็เป็นลูกค้า(ไม่ประจำ)ของที่นี่ จากประสบการณ์ส่วนตัวต้องยอมรับว่าการให้บริการดีจริงๆครับ ซึ่งที่นี่เน้นมากๆ เนื่องเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนและชาวต่างชาติ
ซึ่งโรงพยาบาลกรุงเทพให้ความสำคัญอย่างยิ่งและได้ปรับระบบการบริหารงานให้กระชับ คล่องตัว เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ และสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจจนในที่สุดโรงพยาบาลกรุงเทพ ก็เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานการบริการด้วยระบบคุณภาพ มอก./ISO 9002 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งเทียบเท่ามาตรฐานโลกเป็นระยะเวลากว่า 27 ปี ที่โรงพยาบาลได้ถือก่อตั้งขึ้น และก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน อาคารที่เคยมีเพียง 6-7 ชั้น กลายเป็น อาคาร 16 ชั้น กลายเป็นสถานพยาบาลที่เป็นที่พึ่งของผู้ป่วยทุกชาติทุกภาษา สิ่งที่เรายังคงภาคภูมิใจและยึดถือเสมอมาคือ คำขวัญที่กล่าวว่า ณ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์และความเมตตาปราณีมาบรรจบกัน
โรงพยาบาลกรุงเทพ มุ่งมั่นในการปรับปรุงคุณภาพงานบริการ และการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล รวมทั้งได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 รวมทั้งได้พัฒนาระบบคุณภาพอย่างต่อเนื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ของ ISO จนได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ในปี 2544 และในปีเดียวกันนั้นได้รับรองมาตรฐานโรงพยาบาล (HA : Hospital Accreditation) จากสถาบันพัฒนา และรับรองมาตรฐานโรงพยาบาล (พรพ.) ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นในอันที่จะรักษาเกียรติคุณที่ได้รับ และพัฒนาให้เจริญขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นตลอดไป
ในปี พ.ศ. 2544
โรงพยาบาลกรุงเทพเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับรางวัลผู้ประกอบการดีเด่นประเภทธุรกิจบริการ (สาขาโรงพยาบาล) Prime Minister's Export Award 2001 จากกรมส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่สามารถให้การบริการที่ดีเลิศต่อผู้ป่วยชาวต่างประเทศ จนสามารถนำเงินตราจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยจำนวนมาก และเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ในการรองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติ โรงพยาบาลกรุงเทพได้เปิดศูนย์บริการผู้ป่วยต่างประเทศ ในระบบ One Stop Service พร้อมล่าม 26 ภาษา และหน่วยบริการฉุกเฉินทั้งทางบก และทางอากาศ ด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์สูง ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด
โรงพยาบาลกรุงเทพ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการพัฒนาสู่ความเป็นผู้เชี่ยวชาญศูนย์เฉพาะระบบอย่างครบวงจร ผู้ใช้บริการมั่นใจได้กับคุณภาพการบริการเหนือระดับโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้การดูและสุขภาพอย่างเท่าเทียมแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 และ Hospital Accreditation (HA) รับรอง และประกันคุณภาพตลอดจนได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาล ฉบับปีกาญจนาภิเษก HA เป็นครั้งที่ 2 จากสถาบันพัฒนารับรองคุณภาพโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการที่จะพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ และคงไว้ซึ่งมาตรฐาน จริยธรรมแห่งวิชาชีพอย่างต่อเนื่องตลอดมา
นอกจากนี้... โรงพยาบาลยังได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากกระบวนการรักษาพยาบาลต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ และสุขภาพอนามัยของบุคลากรทุกระดับซึ่งเป็นผู้ให้บริการโดยตรงต่อผู้ป่วย จึงได้นำเอามาตรฐาน ISO 14001 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม และมาตรฐาน มอก. 18001/OHSAS18001 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มาปรับใช้ภายในองค์กร และผ่านการรับรองระบบการจัดการทั้งสองจากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) เมื่อเดือนมีนาคม 2546
จุดเด่นคือบริการที่ยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงมากในระดับนานาชาติ อาจจะแพ้BHหน่อยแต่มีสาขาครอบคลุมไปทั่วหัวเมืองสำคัญๆในไทย และยังมีสาขาในต่างประเทศอีกมากมาย นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัทต่อมา Thai Carbon Black ชื่อย่อTCB
ราคาปิดวันที่10 ตค.2550 อยู่24.30
เป็นหนึ่งใน4บริษัทจากกลุ่มchemicalsที่ติดอันดับ
ผมยอมรับตามตรงว่าไม่รู้จักบริษัทนี้ดีพอครับ รู้คร่าวๆว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผงเขม่าดำ (Carbon Black) ทั้งในและ
ต่างประเทศซึ่งใช้มากในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ ตัววัตถุดิบที่ใช้ใน การผลิตผงเขม่าดำคือ ตัว (Carbon Black Feedstock Oil) สั่งซื้อมาจากสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ผลิตเต็มกำลังการผลิต 65,000 ตันต่อปี TCBส่งออกCabon Blackให้กับต่างประเทศในสัดส่วน50% ประเทศหลักๆคือญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย จีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัทที่4 TEAM PECISION ชื่อย่อว่าteam
ราคาปิดณ วันที่10ตค. 2550 ;9.25บาท
เป็นหนึ่งใน13บริษัทในกลุ่ม semiconductors ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่อันดับสองในการจัดอันดับ
teamประกอบธุรกิจผลิตและประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ตามความต้องการของลูกค้าภายใต้การบริหารของคณะกรรมการร่วมกัน โดยที่การจัดสรรงานและลูกค้าสำหรับบริษัทและบริษัทย่อยจะเป็นไปตามความเหมาะสมของเครื่องจักร และขั้นตอนการผลิตของแต่ละโรงงาน โดยที่บริษัทซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นภายหลังจากบริษัทย่อย มีเครื่องจักรที่มีความทันสมัย และมีขั้นตอนการผลิตที่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีขั้นตอนการผลิตเฉพาะอย่าง เช่น Chemical Compound Encapsulation และการประกอบแผงวงจรอ่อน (Flexible Circuit)
ลูกค้าของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของยี่ห้อสินค้า (Original Brand Name Producer) ผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer : OEM) หรือผู้รับจ้างออกแบบผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิกส์ (Design House) จะเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ และบริษัทจะรับผลิตและประกอบแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์ รวมทั้งการทดสอบการทำงานของแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติและการทำงานตามที่ลูกค้าต้องการ
ลูกค้าของteamมีsony pioneer sharp ford oticon เป็นต้น
จุดเด่นของทีมอยู่ที่การควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี โอกาสที่สินค้าจะชำรุดเสียในการผลิตมีแค่ 3/1,000,000 หรือ0.000003% ที่สำคัญผู้บริหารทำงานจริงจังไม่ขี้โม้ครับ(ชอบมากๆ)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแล้วครับ บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือuec
ราคาปิด ณ วันที่10 ตค.2550 ;38บาท
ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างออกแบบ การผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในกระบวนการ
ผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด (made to order) โดยผลิตภัณฑ์หลักของ
บริษัทฯแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. ภาชนะความดัน (Pressure Vessel) ได้แก่ ภาชนะบรรจุสารเคมีที่ถูกออกแบบให้สามารถทนต่อ
แรงดันในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมได้ ตัวอย่างสารเคมี เช่น น้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลวแอมโมเนีย
คาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจน เป็นต้น
2. ชิ้นส่วนเครื่องจักร (Machinery Parts) เช่น ชิ้นส่วนเครื่องปรับอุณหภูมิอากาศ (Part of Air
Preheater) ชิ้นส่วนเตาเผา (Part of Incinerator) ปล่องควันไอเสียโรงงาน (Stack) และเสื้อพัดลม
(Fan Casing) เป็นต้น
3. โครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับในงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม
ปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น โครงสร้างเหล็กของอาคารโรงงาน เป็นต้น
4. ภาชนะบรรจุสารเคมี (Chemical Tank) เช่น ถังเก็บน้ำมัน เป็นต้น
5. การติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ (Mechanical Installation) เช่น การวาง ระบบท่อใน
โรงงานปิโตรเคมี เป็นต้น
สำหรับuecถือว่าเป็นหุ้นที่เติบโตสูงมากๆ นับเป็นดาวเด่นประจำปีนี้เลยทีเดียวครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้ง5บริษัทเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทัพย์ครับ ถ้าสนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ครับ
๒ ความคิดเห็น:
I could not refrain from commenting. Well written!
Feel free to surf to my web site ... appliance repair Tampa Florida
Attractive portion of content. I simply stumbled upon your weblog and in accession capital to assert that I get actually loved account your
weblog posts. Any way I'll be subscribing on your augment and even I achievement you get admission to constantly quickly.
Here is my webpage - appliance repair Safety Harbor references FL
แสดงความคิดเห็น