วันเสาร์ที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เล่นหุ้นอย่างไรให้มีความสุข

เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนเล่นหุ้นมักเครียด บางคนถึงขั้นนอนไม่หลับเพราะกลัวหุ้นตก บางคนเห็นข่าวดีๆมากลัวตกรถก็นอนไม่หลับอีก นับว่าเป็นปัญหาที่คนเล่นหุ้นต้องเคยเจอ

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมถึงเกิดอาการเหล่านั้น คนที่กลัวหุ้นตกเกิดจากความไม่มั่นใจในหุ้นที่ตัวเองซื้อมา การกลัวตกรถก็มาจากความโลภ วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการทำตัวเป็นนักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการ

การที่เราใช้วิธีคิดแบบการทำธุรกิจมาซื้อหุ้นนั้นจะทำให้เรามีความรอบคอบมากขึ้น หาข้อมูล ดูงบการเงิน วิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต ถ้าลงพื้นที่ให้เห็นกับตาได้ก็ทำ เมื่อรวบรวมทุกอย่างได้จนมากำหนดมูลค่าธุรกิจนั้นๆได้ ก็มาดูราคาบนกระดาน ถ้าถูกกว่ามูลค่าที่เราประเมินได้แสดงว่าคุ้มค่าที่เราจะลงทุน ยิ่งราคาต่ำมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น ถ้าซื้อแล้วราคามันยังคงลงต่อไปก็ไม่ต้องกลัวครับ ถ้ามั่นใจว่าทำการบ้านมาดีพอ ถือเป็นโอกาสดีๆในการซื้อเพิ่มได้อีก แพงกว่านี้ยังกล้าซื้อ แล้วเค้าลดราคาให้ทำไมถึงกลัวล่ะ

เมื่อได้บริษัทที่เราต้องการมาแล้ว วิธีที่จะทำให้เรามีความสุขก็คือไปใช้บริการบริษัทของเราครับ ถ้าซื้อหุ้นร้านอาหารก็พาครอบครัวไปนั่งทานข้าวกัน ถ้าเกิดมีลูกค้าเต็มร้าน คุณจะมีความสุขมากๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แต่เปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อที่บริษัทของเราเป็นผู้ผลิตซะ บางทีอยู่บ้านเฉยๆแล้วเห็นโฆษณาจากทีวี หนังสือ หรือจากไหนก็แล้วแต่ ก็ทำให้เรามีความสุขได้ครับ

อยากให้ทุกคนแยกให้ออกว่าราคาบนกระดานเป็นคนละส่วนกับมูลค่าบริษัท เวลาราคาตกพนักงานและผู้บริหารก็ยังคงทำงานตามปกติ แรงไม่ได้ตกไปตามราคาหุ้น ทุกคนต้องทำงานตามหน้าที่ ผู้บริหารมีหน้าบริหารบริษัทให้ดีที่สุด ลูกค้าก็ไม่ได้ซื้อของน้อยลงตามราคาหุ้น ถ้าราคาตกมากๆควรจะต้องมาดูว่าเกิดจากอะไร ถ้าปัญหาไม่ได้มาจากตัวบริษัทก็ยิ้มสู้ ถ้ามีเงินอยู่ถือเป็นโอกาสดีๆที่จะได้เพื่มสัดส่วนความเป็นเจ้าของครับ

อย่าตกเป็นทาสของราคาที่ขึ้นลง จงเป็นเจ้านายของมัน ถ้าทำไม่ได้ก็ปิดจอเทรดแล้วเอาเวลาไปหาข้อมูลบริษัทเพิ่มหรือไปเยี่ยมกิจการบ้างก็ไม่เลวนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

โมเดิร์นเทรด vs. โชห่วย

วันนี้ขอนำความคิดเห็นของผมเองต่อธุรกิจค้าปลีกและโชห่วยมาโพสต์
โพสต์ใน http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=11683.0 เมื่อวันที่ 2/1/2551

ปัจจุบันโชห่วยซื้อของจาก makro bigc lotus ไปขายในร้านนะครับ ถามว่าคนที่เดือดร้อนจริงๆคือใคร คำตอบไม่ใช่โชห่วย แต่เป็นร้านค้าส่งเจ้าใหญ่ๆในจังหวัดมากกว่าครับ และการที่ห้างเหล่านี้มาเปิดทำให้ร้านโชห่วยมีทางเลือกมากขึ้น ได้ราคาถูกลง เพราะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันทางราคาที่รุนแรงของห้างเหล่านี้ เพราะฉะนั้น makro bigc lotus เป็นประโยชน์ต่อโชห่วย แต่เป็นศัตรูต่อร้านค้าส่งเจ้าใหญ่ๆในจังหวัด

7-11 เป็นคู่แข่งกับ โชห่วยแน่นอน แต่การที่จะไปห้ามหรือตั้งกฎอะไรมากมายจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมากกว่า ลองคิดดูว่าถ้ากำหนดเวลาเปิดให้เปิดได้แค่8-12ชม. 7-11ต้องเปิดเวลาเดียวกับโชห่วยอยู่แล้ว ไม่เห็นจะช่วยตรงไหน แถมคนที่เค้ากลับบ้านดึกๆ ต้องการหาอะไรรองท้องจะทำยังไงครับ แสงสว่างและผู้คนพลุกพล่านช่วยให้ซอยหายเปลี่ยวได้ ตู้atmจะไม่มีคนไปกดแน่ๆถ้าไม่มีแสงสว่างและผู้คนเดินเข้าออกจาก7-11 ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่หน้า7-11ตอนดึกๆล่ะจะอยู่กันยังไง เงินภาษีที่รัฐจะได้ล่ะ สูญเสียไปขนาดไหน

ผมก็เห็นใจโชห่วยนะครับ แต่ต้องมองหลายๆมุม โชห่วยต้องปรับตัวเข้าสู้ ยังมีหลายๆอย่างที่7-11สู้โชห่วยไม่ได้ เช่นความสัมพันธ์ในชุมชน การแยกขายบุหรี่เป็นตัวๆ หรือแบ่งขายโดยใส่ซองเล็ก เหล้าขาวขายเป็นเป็ก

ผมเคยเห็นในหนังสือมีร้านโชห่วยที่ติดกับ7-11แต่สามารถสู้ได้(ถ้าหาเล่มนั้นเจอจะเอามาให้ดูครับ) เค้าเปิด24ชม.เหมือนกัน ขายบุหรี่แบบแบ่งขาย ขายเหล้าเป็นเป็ก มีสินค้าที่เป็นซองเล็กๆ รับสินค้าฝากขายจากคนในชุมชน(7-11เรียกค่าแรกเข้าแพง) รวมไปถึงเก็บตกลูกค้าจาก7-11 ที่บางทีไม่มีของบางยี่ห้อขาย(7-11จะคัดยี่ห้อที่ขายไม่ดีออกเหลือแต่ยี่ห้อที่ขายดี2-3ยี่ห้อเท่านั้น) เจ้าของร้านยังบอกอีกว่าตั้งแต่7-11มาเปิดร้านของตัวเองขายดีกว่าเดิมซะอีก

โชห่วยได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ถ้ารู้จักนำสิ่งที่ตัวเองได้เปรียบมาใช้ บางที7-11อาจจะมาช่วยสร้างความคึกคักให้ร้านโชห่วยเล็กๆก็ได้ครับ