วันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

พรสวรรค์-พรแสวง


ผมได้ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของบรรดานักฟุตบอลต่างชาติที่เข้ามาค้าแข้งใน Thailand Premier League แล้วชอบคำตอบนี้ของนักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น ของทีมบางกอก ยูไนเต็ด ที่ชื่อว่า ริวจิ ซูโอกะ




“สำหรับคุณ คิดว่าการเล่นฟุตบอลต้องอาศัยพรสวรรค์หรือพรแสวงมากกว่ากัน?”

“บางคนก็เกิดมาพร้อมพรสวรรค์เพื่อจะเป็นนักฟุตบอล แต่การฝึกซ้อมก็สำคัญมากนะ ผมคิดว่าคนที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้ อันดับแรกเขาจะต้องรักและชอบที่จะเล่นฟุตบอล” สำหรับริวจิ เขารักฟุตบอล และเปรียบเปรยฟุตบอลเหมือนศาสนาที่สอนเขาทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

“ถ้าไม่รักมันแล้วผมว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ดีได้ หลายๆ ครั้งเด็กมาถามผมว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ ผมบอกพวกเขาว่า อย่ายอมแพ้

“แน่นอน ผมต้องการจะเป็นนักฟุตบอลที่เพอร์เฟ็กต์ แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากก็ตามที ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมจะต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ซึ่งมันก็ไม่สามารถรับประกันได้หรอกว่าความฝันที่ผมหวังไว้จะเป็นจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงผมก็จะพยายามต่อไป” ริวจิ ที่ปัจจุบันอายุสามสิบปี พูดด้วยประกายตามุ่งมั่นและไม่คิดย่อท้อเหมือนซามูไรมองฝันยามอาทิตย์อัสดง ในตอนจบของการ์ตูนญี่ปุ่น

สู้ต่อไป ริวจิ ซูโอกะ

วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

power of negotiate2

ต่อจากบทความที่แล้ว power of negotiate แต่ว่านำมาเชื่อมโยงกับตลาดเงินตลาดทุน

1.เงิน ตรงนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเลยครับ ฝั่งที่มีเงินมากสามารถที่จะขับเคลื่อนราคาได้ สามารถที่จะเล่นเกมได้หลากหลายกว่า มีความอึดมากกว่า และสามารถซื้อข้อมูล รอคอยโอกาส หาทางเลือกใหม่ และมีเครือข่ายได้ด้วยเงิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญๆในเกมนี้ทั้งนั้น

2.ข้อมูล ข้อมูลข่าวสารในตลาดเงินตลาดทุนเป็นสิ่งสำคัญ คนที่มีข้อมูลในมือมากกว่าย่อมได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจ ข้อมูลของบริษัท หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่เป็นข่าวลือ

3.เวลา ในที่นี้ผมมองถึงกรอบระยะเวลาที่เป็นเป้าหมาย คนที่วางกรอบไว้ในระยะเวลาที่ยาวๆจะลดความกดดันของความผันผวนระยะสั้นๆได้ ส่วนคนที่วางกรอบไว้สั้นๆจะทนต่อความผันผวนได้น้อยกว่า และการวางแผน กลยุทธ์ ระบบต่างๆ คนที่วางแผนระยะยาวๆจะได้เปรียบมากกว่าคนที่วางแผนแค่สั้นๆ

4.ทางเลือก คนที่มีทางเลือกในหลายๆตลาดย่อมได้เปรียบครับ เอาง่ายๆอย่างนักลงทุนต่างชาติ เค้ามีทางเลือกหลากหลายประเทศ หลากหลายประเภทของตลาดทั้ง หุ้น อนุพันธ์ พันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างๆ ฯลฯ ทำให้สามารถโยกเงินลงทุนไปยังที่อื่นๆก่อนได้เมื่อเห็นว่าที่ปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ต่ำ หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ

5.เครือข่าย การมีเครือข่ายที่กว้างขวางจะช่วยทั้งในแง่ของการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล แนวความคิดต่างๆ รวมไปถึงการร่วมมือกันแสวงหากำไร ตรงนี้มองได้ทั้งแง่บวกและลบนะครับ แง่ลบก็อาจจะเป็นพวกที่วางแผนปั่นหุ้นทุบหุ้น ส่วนแง่บวก(จริงๆก็ไม่ได้บวกนักในสายตาของบางคน)คือการมีอุดมการณ์เดียวกันแล้วร่วมมือกัน อย่างพวกนักลงทุนต่างชาติ เวลาซื้อเขาจะเข้าซื้อเฉพาะพวกใหญ่ๆไม่กี่ตัว และซื้อพร้อมๆกัน ทำให้ราคาสามารถขับเคลื่อนไปได้ง่าย ถ้าต่างคนต่างซื้อ เงินจะกระจัดกระจายทำให้มีแรงขับเคลื่อนไม่พอ